06 Dec SAP Business One ระบบ ERP ที่เป็นมากกว่าแค่ระบบบัญชี
ERP และระบบบัญชี คือ สิ่งเดียวกันใช่หรือไม่?
ในคราวแรกหลายคนอาจจะเข้าใจว่า ERP และระบบบัญชี คือ สิ่งเดียวกัน จะบอกว่าใช่ก็จะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะความซับซ้อนและความสามารถของทั้งสองระบบนั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากพูดตามไทม์ไลน์ของเทคโนโลยี แน่นอนว่าระบบบัญชีเกิดขึ้นมาก่อน มันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และความถูกต้องในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเงินของบริษัท เพราะในอดีตการทำธุรกิจที่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนั้น จึงเป็นการมีระบบบัญชีที่ดีที่เข้ามาช่วยควบคุมรายรับรายจ่ายขององค์กร
ระบบบัญชีคืออะไร?
หากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้น ระบบบัญชีเป็นเพียงโปรแกรมสำเร็จรูปที่เน้นไปในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเงินของบริษัท ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย เอกสารการโอนเงิน เอกสารการเบิกจ่ายเงิน รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่เรียงลำดับวันที่ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา สะดวกในการทราบต้นทุนและกำไรของบริษัท ไปจนถึงการที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปเป็นหลักฐานในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กรมสรรพากรอีกด้วย แต่ทว่าระบบนี้ไม่ได้ครอบคลุมหรือเชื่อมต่อการทำงานไปยังส่วนงานอื่นๆขององค์กร
ERP ครอบคลุมถึงงานในส่วนอื่นในองค์กร
ในขณะที่ ERP หรือการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (Enterprise Resource Planning System) เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการรวบรวม เชื่อมโยง วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลระหว่างแผนกในองค์กรทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว และยังสามารถขยายผลสู่การเชื่อมโยงระหว่างองค์กรเข้าด้วยกัน ช่วยให้การวางแผนและจัดการทรัพยากรขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการวางแผน และการตัดสินใจของผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งให้ผลลัพธ์มวลรวมมากกว่าระบบบัญชีอยู่หลายขั้นด้วยกัน
แนวโน้มการใช้งานระหว่างระบบ ERP และโปรแกรมบัญชีในปัจจุบันเป็นอย่างไร?
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่ย่อมมีการแข่งขันทางธุรกิจสูงและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ นอกจากการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตน ยังต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม ในขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธีลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่เพียงแต่การมีระบบบัญชีที่ดีที่จะสามารถอำนวยสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ แต่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น ERP หรือระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ อีกทั้งยังสามารถรองรับการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง นี่จึงถือเป็นแนวโน้มที่ธุรกิจส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ
พิจารณาเลือกระบบ ERP เลือกเจ้าไหนในตลาดดี?
สิ่งสำคัญคือการพิจารณาเลือกระบบ ERP ว่าแต่จะต้องพิจารณาอย่างไร? สามารถติดตามหลักในการพิจารณาได้จากบทความ สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้ SAP Business One ควรพิจารณาอย่างไร? ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่า ปัจจุบันในตลาดนั้นมีซอฟต์แวร์ ERP ให้ธุรกิจเลือกใช้อย่างหลากหลาย แต่ทำไมลูกค้าส่วนใหญ่พิจารณาเลือก SAP Business One หนึ่งในระบบ ERP อันดับต้น ๆ ที่นิยมสูงสุดที่สามารถตอบได้ตรงโจทย์ตามความต้องการของธุรกิจอย่างแท้จริง ทั้งยังคุ้มค่าต่อการลงทุนอีกด้วย
ประโยชน์ของระบบ SAP Business One
ด้วยความสามารถที่หลากหลายและทำงานได้ดีจนแทบจะเรียกได้ว่า ทดแทนระบบบัญชีแบบเดิมที่เคยมีอยู่มาก่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลต่อระบบงานส่วนอื่น ประโยชน์ของระบบ SAP Business One มีอะไรบ้าง? เราสามารถแบ่งออกเป็น 5 ข้อหลักๆดังนี้
1) ช่วยรวบรวมข้อมูลทุกส่วนงานของบริษัท
เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ใช้งานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าใจภาพรวมของแต่ละสถานะและขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในภายหลังจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจของผู้บริหาร
2) ช่วยรวบรวมข้อมูลการสั่งสินค้าของลูกค้า
ตั้งแต่ข้อมูลการผลิต การจัดเก็บ การสั่งซื้อของลูกค้าจนกระทั่งถึงขั้นตอนของการสร้างเอกสารในแต่ละขั้นตอนที่จำเป็น การส่งสินค้า และเก็บเงิน ทำให้บริษัทดำเนินการต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็ว รวมถึงสื่อสารภายในระหว่างกันได้ง่ายขึ้น และสามารถตรวจสอบสถานะการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3) ช่วยสร้างมาตรฐานและเพิ่มความรวดเร็วในการวางแผนและควบคุมการผลิต
โดยธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบ SAP Business One สามารถสร้างมาตรฐานและเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศในการวางแผนและควบคุมการผลิตทำให้ประหยัดเวลาในการดำเนินการ และสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต เพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพการผลิตและการลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี
4) ช่วยให้การวางแผนและควบคุมสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดตารางการผลิตหลัก การวางแผนความต้องการวัตถุดิบ/ ชิ้นส่วน และการจัดการคลังสินค้า ทำให้สามารถวางแผนการสั่งผลิตสินค้าสำเร็จรูป สินค้าระหว่างผลิต วัตถุดิบต่าง ๆ หรือชิ้นส่วนที่จำเป็น รวมทั้งการสั่งซื้อเพื่อผลิตได้ในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยลดสินค้าคงคลัง รวมถึงช่วยวางแผนการขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้เป็นอย่างดี
5) ช่วยให้เชื่อมโยงข้อมูลทั่วทั้งองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีหลายหน่วยงาน / สาขา SAP Business One สามารถลดปัญหาการสื่อสาร การเชื่อมโยงข้อมูล การวางแผนร่วมกันระหว่างแผนกต่าง ๆ ช่วยให้การจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน มีความสอดคล้องประสานกันด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันทั้งองค์กร ทั้งยังช่วยลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา และช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
Aware มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ช่วยดูแลแนะนำลูกค้าให้ก้าวทันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ ในฐานะที่เราเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการบูรณาการระบบแก่กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ เราเป็นผู้ช่วยเรื่องให้คำปรึกษาในการวางแผนดูแลระบบและเป็นคู่ค้าคนสำคัญกับผู้ให้บริการ SAP ชั้นนำของโลก คุณสามารถปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ SAP Business One กับเราได้ที่นี่ https://www.aware.co.th/contact/
- เสริมประสิทธิภาพงานฝ่ายทรัพยากรบุคคลด้วยพลังของ Microsoft Copilot - April 2, 2024
- ยกระดับการศึกษาไปอีกขั้นด้วย Microsoft 365 Copilot - March 28, 2024
- Microsoft Copilot ผู้ช่วยคนใหม่สำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล - March 26, 2024
- ประโยชน์ทางธุรกิจของ Copilot สำหรับสายงาน Marketing - March 6, 2024
- ประโยชน์หลักของ Microsoft Copilot เพื่อการใช้งานทางธุรกิจ - February 23, 2024
- 8 Questions You May Have About Microsoft Copilot - February 8, 2024
- 9 คำถามที่คนสงสัยกันมากที่สุดเกี่ยวกับ Microsoft Copilot - February 8, 2024
- SAP Business One ระบบ ERP ที่เป็นมากกว่าแค่ระบบบัญชี - December 6, 2023
- สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้ ERP ควรพิจารณาอย่างไร? - December 6, 2023
- การเดินทางของ Web 3.0 ในปัจจุบันเป็นอย่างไร - March 9, 2023