June 9, 2022
6 ประโยชน์ของ Remote Work ที่ช่วยขจัดปัญหาให้ชาวออฟฟิศ
ในช่วงสถานการณ์โควิด เราได้รู้จักกับคำว่า Remote Work กันเป็นอย่างดี ซึ่งในขณะนี้ได้มีหลายบริษัทเล็งเห็นถึงประโยชน์ และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่หลาย ๆ บริษัทอาจนำ Remote Work มาผสมผสานกับการเข้า Office จนมาเป็นระบบที่เรารู้จักกันในคำว่า Hybrid นั่นเอง วันนี้เราจึงมีประโยชน์ของ Remote Work ที่ทำให้หลาย ๆ บริษัทและชาวออฟฟิศหลาย ๆ คนติดใจในการทำงานระบบนี้มาฝากกัน และการทำงานแบบ Remote Work นี้จะสร้างประโยชน์ให้ชาวออฟฟิศและช่วยทำให้งานของเราดีขึ้นจากเดิมอย่างไรกันบ้าง เรามาดูประโยชน์ของ Remote Work กันเลย!
Remote Work คืออะไร?
ก่อนจะอ่านไปถึงประโยชน์ของ Remote Work เรามาทำความเข้าใจว่าระบบนี้คืออะไรกันก่อนดีกว่า Remote Work คือ ระบบการทำงานแบบระยะไกลนั่นเอง โดยระบบนี้มาในคอนเซ็ปต์การทำงานที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ปรับเปลี่ยนการทำงานจากภายในสำนักงาน สู่การทำงานนอกสถานที่ โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นแค่ที่บ้านเท่านั้น เราสามารถทำงานได้ในทุก ๆ พื้นที่ทั่วโลกที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าเข้าถึง แต่ว่าข้อจำกัดสุดท้าทายก็คือต้องทำงานให้ได้ปริมาณและคุณภาพเหมือนเดิมเท่านั้นเอง
หลังจากเราทราบแล้วว่า ระบบนี้คืออะไร ทำงานกันอย่างไร หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ลองทำงานผ่านระบบ Remote Work กันมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะในช่วงโควิดเราต่างก็ต้อง Work from Home กันซะส่วนใหญ่ ทีนี้เรามาดูประโยชน์ของระบบนี้กันดีกว่าว่า ทำไมหลาย ๆ คนเวลาหางานใหม่ ๆ ต่างก็เลือกสมัครกับบริษัทที่มีระบบนี้ให้เลือกมาเป็น Choice แรกเสมอ เรามาดูประโยชน์ชอง Remote Work กันเลยดีกว่า!
1. สภาพแวดล้อมที่ดี ช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น!
Remote Work ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศอีกต่อไป! และไม่จำกัดให้เราต้องนั่งทำงานที่บ้านด้วย ฉะนั้นทำให้เราสามารถเลือกสถานที่ทำงานได้เอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน ที่ร้านกาแฟ หรือ Co-Working Space ก็ตาม โดยการเลือกสภาพแวดล้อมในการทำงานได้เองนั้น ส่งผลดีต่อการทำงานของเราเป็นอย่างมาก
อ้างอิงจากงานวิจัยของ Stanford พบว่าการทำงานที่บ้านหรือสภาพแวดล้อมที่เราสามารถเลือกได้เอง สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 13% และยังสามารถทำให้เราทำงานเสร็จลุล่วงทันเวลามากกว่าการเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศ แถมยังช่วยให้เกิดความสบายใจ ช่วยให้เราเกิดความพึงพอใจต่องานจนลดอัตราการลาออกลงไปได้หลายเปอร์เซ็นต์ และยังลดความเครียดหรือความกดดันในการทำงานได้อีกด้วย
2. ความยืดหยุ่นในเรื่องเวลา สามารถจัดตารางเวลาได้ตาม Lifestyle!
เราสามารถจัดสรรเวลาการทำงานให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากปกติการไปทำงานในออฟฟิศ เราอาจมีตารางการทำงานอัดแน่นโดยไม่สามารถผ่อนเวลาได้ และอาจต้องทำงานทุกอย่างให้เสร็จภายในเวลาทำงานเป๊ะ ๆ เพื่อที่จะได้รีบกลับบ้านก่อนช่วงเวลาที่รถติด แต่การทำงานแบบ Remote Work นั้นแตกต่างออกไป ในระหว่างการทำงานเราสามารถพักผ่อนช่วงสั้น ๆ เมื่อไหร่ก็ได้ หรือแม้แต่แจ้งทีมแล้วขอแบ่งเวลาไปรับลูก เมื่อไม่ต้องเดินทางก็ใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น ยังคงขอปลีกเวลาออกไปซื้อของว่างแล้วกลับมาทำงานต่อได้เหมือนเดิม
ระบบการทำงานแบบ Remote Work จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่น แต่ก็ควรมีการตกลงและมีกำหนดส่งงานอย่างชัดเจน เมื่อติดปัญหาควรปรึกษากับเพื่อร่วมงานเพื่อช่วยกันหาทางแก้ไข ทำงานได้อย่างราบรื่น และต้องบริหารเวลาที่มีนั้นเพื่อทำงานให้สำเร็จ สุดท้ายแล้วความยืดหยุ่นในการทำงานจะช่วยให้เราเพิ่มทักษะการจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. นั่งทำงานอย่างสบายใจ แถมสุขภาพกายยังดีขึ้น!
พนักงานออฟฟิศหลายคนคงเคยมีความกังวลว่า การนั่งทำงานหน้าคอมท่าเดิมเป็นระยะเวลานาน ๆ ออฟฟิศซินโดรมจะต้องถามหาถึงที่อย่างแน่นอน แต่ทุกวันนี้ถ้าทำงานด้วยระบบ Remote Work เราก็ไม่ต้องกลัวออฟฟิศซินโดรมอีกต่อไป เพราะเราไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานหน้าคอมท่าเดิมตลอด 8 ชั่วโมงอีกต่อไปแล้ว เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน ทั้งยืนทำงาน นั่งขัดสมาธิกับโต๊ะญี่ปุ่น หรือแม้แต่เอนหลังพักความเมื่อยล้าก็ยังได้
Remote Work นอกจากจะทำให้สุขภาพจิตจะดีขึ้น สุขภาพกายก็ยังดีขึ้นตามอีกด้วย ถ้าเราเริ่มปวดเมื่อยจากการนั่งทำงาน เราก็สามารถลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย หรือตั้งเวลาในเพื่อยืดกล้ามเนื้อคลายเมื่อยช่วงหลัง บ่า ไหล่ได้โดยไม่ต้องเกรงใจว่าจะรบกวนเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้าง ๆ หรือเปล่า เพราะเรานั่งทำงานคนเดียว ก็สามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่เพื่อรักษาสุขภาพกายให้ดียิ่งขึ้น
4. บริษัทเข้าถึงคนทำงานได้มากขึ้น จะอยู่ไกลหรือใกล้ก็ทำงานร่วมกันได้!
รูปแบบของ Remote Work จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานร่วมกันได้แม้จะอยู่ไกลกันก็ตาม ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่กรุงเทพฯ ใกล้ออฟฟิศ ปริมณฑล จังหวัดบ้านเกิด หรืออยู่ไกลถึงต่างประเทศ
นอกเหนือจากนี้ระบบ Remote Work ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการร่วมงานองค์กรได้สะดวกมากขึ้น เพราะบริษัทจะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนทำงานและกลุ่มบุคคลที่มีศักยภาพได้หลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น โดยไม่มีเรื่องโลเคชั่นมาปิดกั้นความสามารถของใคร ขอเพียงแค่มีอุปกรณ์และ Wifi ที่ดี เท่านี้ก็สามารถร่วมงานได้ทันที!
5. รอทำไมวันหยุดยาว ในเมื่อเราเที่ยวไปทำงานไปได้ไม่เกินจริง!
บางคนอาจเคาท์ดาวน์รอวันหยุดยาวเพื่อที่จะได้แพ็คกระเป๋า ออกเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่เมื่อเราทำงานด้วยระบบ Remote Work เราไม่จำเป็นต้องรอวันหยุดยาวอีกต่อไป เพียงแค่พกงานไปทำด้วยเท่านั้น เราก็สามารถไป workation ได้ทันที! ในตอนเช้าคุณอาจนำงานไปนั่งทำบนยอดเขา เที่ยงแวะทานข้าวร้าน Local เพิ่มบรรยากาศการพักผ่อน พอตกบ่ายก็นำงานไปนั่งทำริมทะเล ตกกลางคืนหลังเลิกงานก็ออกไปใช้ชีวิตอย่างมีสีสันต่อได้
Workation คือ การได้ออกไปเที่ยวในที่ใหม่ๆแต่ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ตรงนี้ต้องดูแลตัวเอง บาลานซ์การท่องเที่ยวและการทำงานให้ดีนะ นอกจากนี้ workation เองก็มีประโยชน์ต่อการทำงานอีกด้วย อ้างอิงจาก อ.ดร. เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช อาจารย์ประจำสาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยว่า การทำงานไปเที่ยวไปจะช่วยส่งผลให้ความเครียดในการทำงานลดน้อยลง จุดประกายความคิดใหม่ ๆ เพิ่มไอเดียในการคิดงานให้บรรเจิดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ เราสามารถไปเที่ยวในวันธรรมดาได้ ซึ่งค่าที่พักจะถูกกว่าช่วงวันหยุดยาว เรียกได้ว่ามีโอกาสทำงานและเที่ยวพร้อมกัน ได้ทั้งงาน ได้ทั้งท่องเที่ยว แถมได้เซฟเงินในกระเป๋าอีกด้วย!
6. เกณฑ์ประเมินยืดหยุ่นขึ้นแต่ยังคงเห็นได้ชัด เพราะเราวัดกันที่ผลของงาน!
ในการวัดผลการทำงานนั้น หลาย ๆ บริษัทนอกจากจะนำผลงานมาเป็นตัวตัดสินในการประเมินการทำงานแล้ว ก็อาจนำเรื่องอื่น ๆ มาประกอบการตัดสินใจด้วย เช่น การขาด ลา มาสาย ซึ่งอาจทำให้หลายคนเกิดความเครียดและความกดดันในการทำงานได้สูง
แต่ระบบ Remote Work เป็นระบบที่จะช่วยทำให้เราลดความเครียด เพิ่มความสบายใจ สามารถพักผ่อนสั้น ๆ สามารถกำหนดตารางการทำงานได้และเพิ่มความสะดวกในการทำงานกับการใช้ชีวิตมากขึ้นทำให้การวัดผลจึงมาโฟกัสที่ี่ตัวผลงานเพียงอย่างเดียว โดยระหว่างทางเราอาจพักได้มากขึ้น ทำธุระส่วนตัวได้ง่ายขึ้น ท้ายที่สุดเมื่อตัวงานออกมามีคุณภาพและตามกำหนดการส่งมอบงาน เราก็จะสบายใจกับการวัดผลมากขึ้น ทำให้เราจดจ่อและทำงานออกมาอย่างมีคุณภาพได้แต่ก็ไม่ตึงเครียดจนเกินไป
ทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ของ Remote Work ที่หลายบริษัทนำระบบนี้มาใช้ในการทำงาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Remote Work ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป ข้อเสียของ Remote Work ก็มีเช่นเดียวกัน ถ้าเราอุปกรณ์ไม่พร้อม สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร หรือสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน ก็อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเราได้ และถ้าหากเราบริหารจัดการเวลาไม่เป็น จากการที่ระบบจะช่วยให้เราทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของเราลดลง เสียวินัยสะสม และอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกตำแหน่งอาชีพ อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้ข้อดีและประโยชน์ของ Remote Work เกิดผลกับเรา เราก็จำเป็นต้องจัดการเวลาและการทำงานให้ดี ถ้าเราบริหารเวลาได้ดียังไงความปังความเลิศก็เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
อ้างอิง :
